เนื่องจากได้มีโอกาสแวะไปเมืองนครสวรรค์มา ประกอบกับมีเพื่อนอยู่ที่จังหวัดนี้พอดี
วันนี้จึงจะมาพาเที่ยวสั้นๆ กับตำนานเมืองนครสวรรค์ สำหรับคนที่อยากมีบุตรก็สามารถแวะมาเที่ยวกันได้นะครับ
เนื่องจากทริปนี้ผมมีเวลาเที่ยวไม่มาก จึงเก็บเฉพาะที่ๆอยากไปเท่านั้นครับ ที่แรกก็คือ วัดศรีอุทุมพร หรือหลวงพ่อจ้อยนั้นเอง
ขับรถจากตัวเมืองนครสวรรค์ไปทางกำแพงเพชรราวๆ 30 นาทีก็มาถึงครับ
พอมาถึงปุป วัดก็ปิดนะครับ ยังไม่ให้เข้าชม (เดินทางกลางเดือนมิถุนายน 2564) ก็สามารถถ่ายรูปเล่นภายนอกได้ครับ
รูปปั้นหลวงพ่อจ้อย ที่เราเห็นสะพายกระเป๋าแบรนด์เนมนั้น จากที่ฟังจากพี่ที่อยู่นครสวรรค์เล่าว่ามีคนนำมาถวายท่าน แต่ท่านไม่ได้ใช้ เวลามีลูกศิษย์แวะมาไหว้ท่านจะใส่เงินลงในกระเป๋าจนแทบล้นออกมา โดยมีรูปปั้นลักษณะนี้อยู่ติดกันอยู่ 2 รูปครับ
หลังจากเที่ยวหลวงพ่อจ้อยเสร็จ จึงขอตัวลากลับมานอนเนื่องจากค่อนข้างง่วง
ตัดภาพมาที่ช่วงสายวันถัดมาตั้งใจจะมาเที่ยวพาสาน ซึ่งเป็นต้นกำเนิดแม่น้ำเจ้าพระยา ผมซึ่งรู้จักแม่น้ำเจ้าพระยามาตั้งแต่เล็ก ก็พึ่งทราบว่าแม่น้ำเจ้าพระยามีต้นเนิดอยู่ที่นี้ จึงอยากมาดูสักครั้งครับ แต่ระหว่างทางก่อนถึงทางเข้า เจอบ้านหลังหนึ่งกับเจ้าแม่กวนอิมจึงขออนุญาตแวะดังภาพครับ
ตามตำนานที่ได้ยินมาเล่าว่า บ้านหลังนี้เดิมทำโรงงานเต้าเจียวครับ เมื่อ 120 ปีก่อนมีเรือที่บรรจุเจ้าแม่กวนอิมผ่านมา เหมือนล่มอยู่บริเวณดังกล่าว จึงขอตั้งเอาไว้บูชา ทั้งนี้เจ้าแม่กวนอิมมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ใดที่หนึ่งอยู่แล้ว ทางโรงงานเต้าเจียวจึงทำองค์จำลองขึ้นมาแบบองค์เดิม ซึ่งปัจจุบันยังตั้งอยู่ที่นี้มาเป็นเวลากว่า 120 ปีแล้วครับ
ขออนุญาตท่านเจ้าของบ้าน ถ่ายภาพบรรยากาศภายในให้ชมครับ ซึ่งปัจจุบันไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ครับ คาดว่าน่าจะย้ายไปในตัวเมืองเรียบร้อยแล้ว
ภาพบรรยากาศถ้ายืนอยู่บนบ้านครับ
คาดว่าฝนตกหนัก และไม่มีผู้ใดมาไหว้อยู่นานแล้ว จึงมีน้ำขังอยู่ภายในกล่องเก็บธูป เทียนครับ
ไม่รู้วันนั้นโชคดีหรืออย่างไร ได้มีโอกาสเข้าชมเจ้าแม่กวนอิมรูปนี้ครับ เพราะทราบมาว่าที่นี้ปิดมานานเป็นปีแล้วครับ และไม่เปิดให้เข้าชม
มาวันนี้จึงโชคดีมากครับเพราะผมกับภรรยาก็กำลังขอพรเรื่องลูกอยู่พอดี ถ้าโชคดีได้บุตรขึ้นมา จะแวะมาไหว้ท่านอีกครับ
ทั้งนี้นำภาพมาฝากทุกๆท่านกรณี ถ้าเกิดไปแล้วประตูปิดอยู่ครับ
เดินจากศาลเจ้าแม่กวนอิม เดินต่อมาประมาณ 5 นาทีจึงเจอกับพาสาน หรือต้นกำเนิดแม่น้ำเจ้าพระยานั้นเองครับ
ข้างๆกันนั้นจะมีศาลเจ้าแม่ทับทิมอยู่อีกด้วยครับ
และนี้แหละครับคือต้นกำเนิดแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นแม่น้ำที่รวมกันระหว่าง ปิงวัง กับ ยมน่าน ไหลยาวจากจุดนี้จนถึงอ่าวไทยเลยครับ
ฝั่งเมืองนครสวรรค์ครับ ตึกสูงที่อยู่ตรงบริเวณซ้ายมือนั้น จากที่ฟังคนในพื้นที่เล่าว่า หันหน้าตรงกับเจ้าแม่ทับทิมพอดี โดยบริเวณด่านฟ้าของตึกจะมีคล้ายๆสิงโตอยู่ครับ แต่อาจเพราะสู้บารมีท่านไม่ได้หรืออย่างไร จึงทำให้ตึกนี้ร้างมากว่า 30 ปีแล้วครับ
บรรยากาศบริเวณด้านบนพาสาน สามารถขึ้นมารับลม และไหว้เจ้าแม่กวนอิมได้อีกด้วยครับ
บ้านพักตากอากาศของ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเดียวครับ
ข้ามฝั่งมาเล็กน้อย จะพบกับศาลเจ้าแม่หน้าผาครับ ที่นี้ก็มีตำนานอีกเช่นกันครับ
ตามตำนานเล่าว่า เจ้าแม่หน้าผาถูกฝั่งอยู่ใต้น้ำครับ โดยองค์ที่เห็นตรงหน้านั้นจะเป็นองค์จำลองขึ้นมาครับ ของจริงจะเป็นป้ายไม้ที่วางอยู่ข้างๆกัน โดยท่านมาเข้าฝันผู้ที่พบเจอว่า ท่านอยู่ตรงนี้มานานหลายร้อยปีแล้วครับ ชาวบ้านจึงทำศาลให้ท่าน
ขอทิ้งท้ายไปด้วยภาพองค์พ่อกวนอูซึ่งจะมีจัดงานเร็วๆนี้ ท่านใดว่างก็สามารถแวะไปเที่ยวนครสวรรค์ได้นะครับ อยู่ห่างจากกรุงเทพเพียงแค่ 3 ชม เท่านั้น